บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2013

เคล็ดลับความสำเร็จ

รูปภาพ
o นิทานปรัชญาชีวิตเคล็ดลับความสำเร็จ       เหล่าลูกศิษย์ถามพระอาจารย์ว่า... “ทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ”       อาจารย์จึงพูดว่า.. “วันนี้พวกเราจะเรียนเรื่องธรรมดาๆและง่ายที่สุด”       ให้ทุกคนแกว่งแขนไปข้างหน้าให้สุด แล้วแกว่งไปข้างหลังให้สุดเช่นกัน พระอาจารย์สาธิตให้ดู พร้อมกับกำชับว่า... “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้แกว่งแขนวันละ 300 ครั้ง ทุกคนทำได้หรือเปล่า ?”       เหล่าลูกศิษย์รู้สึกสงสัยจึงถามว่า... “ทำไมต้องทำเรื่องอย่างนี้”       พระอาจารย์ตอบว่า.. “หลังจากทำเรื่องนี้แล้ว ผ่านไปหนึ่งปี   พวกเจ้าจะรู้ว่า... ทำอย่างไรจึงจะประสบผลสำเร็จ”       เหล่าลูกศิษย์คิดในใจว่า “เรื่องง่ายๆอย่างนี้ ทำไมถึงจะทำไม่ได้”      หลังจากผ่านไป หนึ่งเดือน พระอาจารย์ถามเหล่าลูกศิษย์ว่า.. เรื่องที่อาจารย์สั่งให้ทำ มีใครยังทำอยู่หรือเปล่า? ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ยังตอบอย่างมั่นคงว่า ยังทำอยู่ พระอาจารย์รู้สึกพอใจ พยักหน้าบอกว่า “ดีๆ”       และเมื่อผ่านไปอีกหนึ่งเดือน พระอาจารย์ก็ถามอีกว่า... “ตอนนี้ใครยังทำอยู่อีก” ที่สุดก็เหลือเพียง ครึ่งเดียวที่บอกว่าทำแล้ว       หนึ่งปีผ่านไป พระอาจารย์ถามทุ

เหลือแต่รอยอาลัย

รูปภาพ
มีชายหนุ่มไฟแรง ที่มุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น เขามีความฝันจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับแฟนสาว เธอจะมารอ..ที่หน้าประตูบ้าน..ของเขา หลังจากที่เขาเลิกงาน เขาพบเธอ..ก็ยิ้มแย้ม ..ยินดีต้อนรับ.. สนทนากัน..แล้วเธอก็กลับไป วันนี้เขากลับถึงบ้าน ช้ากว่าปกติมาก แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอที่หน้าบ้านเขา.. เช่นทุกวัน “ โทษทีนะที่รัก วันนี้มีงานด่วน เลยกลับมาช้าไปหน่อย ” เธอยังยิ้มให้เขา “ คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว ทำไมยังทำงานหนักอีกล่ะ ?” “ ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ มีรถที่ดูโอ่อ่ามากกว่านี้ .. เพื่อคุณนะจ๊ะ ” เวลาผ่านไป 1 ปี หญิงสาวมาหาเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรื่องอย่างนี้ วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา “ คุณมีเงินมากพอจะซื้อบ้านหลังใหญ่รึยัง ?” “ ขอเวลาอีกสักหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณด้วย ” เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ “ ฉันบอกหรือว่า ฉันอยากได้แหวนวงใหม่ ?” “ ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก ” 3 เดือนแล้ว..ที่เขาไม่เห็นเธอที่หน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่ เขาจึงตัดสินใจลางาน 1 วัน เพื่อไปหาเธอ เ

ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

รูปภาพ
ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน  แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ  ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน  3  ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อ เพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน  จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง  โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน " ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า " ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ" พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า " ผมขโมยเองครับ" ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย  พ่อนั่งลงบนเก้าอี้และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย" คืนนั้นฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้  หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย   กลางดึกคืนนั้นฉันนอนร

ซาลาเปา 1 ลูก

รูปภาพ
เหตุเกิด ณ ร้านซาลาเปาร้านหนึ่ง กิจการดีมาก มีลูกค้าเข้าร้านตลอดทั้งวัน อยู่มาวันหนึ่งมีขอทานสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ เนื้อตัวสกปรกมาที่ประตูร้าน ทำให้ลูกค้าหลายคนพากันอุดจมูกเดินหนี ลูกจ้างของร้านก็เข้ามาต่อว่า และเอ่ยปากไล่ไปให้พ้นร้าน แต่ขอทานก็รีบอธิบาย "คุณครับ ผมไม่ได้มาขอทานหรอก แต่จะมาซื้อซาลาเปา"  พร้อมกับเอาเหรียญเศษสตางค์ ออกมานับด้วยสองมือ... ลูกจ้างรู้สึกรำคาญ จึงเอามือปัดเหรียญทั้งหมดตกพื้น !!! ขอทานตกใจ รีบก้มลงเก็บเหรียญบาทบนพื้น แต่หาอย่างไร ก็ขาดไป 1 บาทอยู่ดี  "เหรียญ 1 บาท นี่...คุณทำตกใช่ไหมครับ"  ขอทานเงยหน้ามอง ก็เห็นเถ้าแก่ของร้าน...เขาไม่กล้าแม้แต่จะรับเงินจากเถ้าแก่ และกำลังจะวิ่งหนีด้วยความลุกลี้ลุกลน แต่ก็ถูกเถ้าแก่เรียกให้หยุด พร้อมพูดว่า... "ยินดี ต้อนรับครับ คุณลูกค้า !!! ไม่ทราบว่าคุณต้องการ ซาลาเปาไส้อะไร" ขอทานตะลึงงัน ผ่านไปสักพัก จึงตอบกลับไปว่า  "ผมอยากได้ซาลาเปาไส้หมู 1 ลูก"  "ครับ...กรุณารอสักครู่"  แล้วหันไปคีบซาลาเปาไส้หมูออกจากซึ้งมา และยื่นให้ขอทานอย่างนอบน้อม และหันไปถามลูกจ้างว่า...  "

สิ่งที่เรามองข้าม

รูปภาพ
เขียนโดย จอร์จ คอลลิน แปลโดย bobby (บี) GEORGE CARLIN POST 9-11 (His wife recently died...)  จอร์จ คอลลิน เขียน ณ วันที่ 11กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่มและ ภรรยาเขาตาย)  Isn't it amazing that George Carlin - gross and mouthy comedian of the 70's and 80's - could write   แปลกไหมที่ จอร์จ คอลลิน ซึ่งโด่งดังในฐานะดาราตลก จะสามารถเขียน  something so very eloquent ...   อะไรบางอย่างที่ซาบซึ้ง  and so very appropriate post 9-11.   และเหมาะสมกับวันนั้น  A wonderful Message by George Carlin  นี่คือข้อความที่วิเศษ โดย จอร์จ คอลลิน  The paradox of our time in history is that we have taller buildings but shorter tempers, wider freeways, but narrower viewpoints. We spend more, but have less, we buy more, but enjoy less. We have bigger houses and smaller families, more conveniences, but less time. We have more degrees but less sense, more knowledge, but less judgment, more experts, yet more  problems, more medicine, but less wellness.  นี่เป็นความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่ใน

วิ่งหนึ่งไมล์ในสี่นาที

รูปภาพ
วิ่งหนึ่งไมล์ในสี่นาที เรื่องวิ่งหนึ่งไมล์ในสี่นาทีเมื่อก่อนปี พ.ศ. 2507 เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์เราจะวิ่งระยะทางหนึ่งไมล์ (1,609 เมตร) โดยใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที ทั้งนักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาประกาศย้ำว่า นี่คือสิ่งที่เกินขีดความสามารถของร่างกายมนุษย์ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่แล้วในวันที่ 6 พฤษภาคม 2507 ประวัติศาสตร์กีฬาโลกก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นักวิ่งสมัครเล่นชาวอังกฤษ ชื่อ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ วิ่งหนึ่งไมล์ โดยใช้เวลาเพียง 3 นาที 59 วินาที นิตยสารฟอร์บส์(Forbes) แห่งสหรัฐ ถึงกับประกาศว่า ความสำเร็จของโรเจอร์ เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬาของโลก แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือ หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ ก็มีคนทำสถิติอย่างเดียวกันได้อีก และก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาใกล้เคียงกัน จนในปัจจุบันถือเป็นมาตรฐานการวิ่งแข่งขันระยะกลาง ข้อคิด: ประเด็นที่อยากให้คิด ไม่ใช่เรื่องที่โรเจอร์ทำลายสถิติ  แต่เป็นเรื่องที่มีคนมากมายทำได้เหมือนเขาหลังจากที่เขาทำได้แล้ว ซึ่งหมายความว่า ข้อจำกัดไม่ได้อยู่ที่ร่างกายของพวกเขาเลย แต่อยู่ที่ความคิดมากกว่า