บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2014

กาแฟใส่เกลือ

รูปภาพ
              เขาเจอเธอในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เธอดูโดดเด่นมาก มีคนมากมายรุมล้อมเธอ ในขณะที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีใครใส่ใจเขาเลย   หลังงานเลี้ยงเลิก เขาได้มีโอกาสชวนเธอไปทานกาแฟต่อ เธอประหลาดใจมาก แต่ท่าทีที่สุภาพของเขา ทำให้เธอตอบตกลง               พวกเขานั่งในร้านกาแฟดีๆแห่งหนึ่ง เขาดูประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก เธอรู้สึกอึดอัดมาก จนคิดในใจว่า ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเถอะ   แต่ทันใดนั้น..... เขาถามบ๋อยว่า ขอเกลือป่นได้ไหม อยากเอามาใส่ในกาแฟ   ทุกคนในร้านหันมาจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ เขาอายจนต้องก้มหน้า แต่ก็ยังเติมเกลือลงในกาแฟ และก็ดื่มมัน             ทำให้เธอต้องถามเขาอย่างอดไม่ได้ว่า ทำไมชอบกาแฟรสชาติแบบนี้ เขาตอบว่า เมื่อเขายังเด็ก บ้านเกิดเขาอยู่ริมทะเล เขาเป็นลูกน้ำเค็ม เล่นกับทะเลทุกวัน เคยชินกับรสเค็มของเกลือ เหมือนกับรสชาติของกาแฟเค็ม เพราะฉะนั้น เมื่อทุกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสกาแฟเค็มๆ เขาก็จะคิดถึงวัยเด็ก คิดถึงบ้านเกิด เขาคิดถึงพ่อแม่ที่ยังอยู่ที่นั่น               เขาเล่าไปก็น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ นั่นเป็นความในใจลึกๆของเขา ผู้ชายคนไหนที่

กำลังใจจากคนไข้ริมหน้าต่าง

รูปภาพ
            ชายสองคนกำลังป่วยหนักด้วยกันทั้งคู่ และถูกจัดให้อยู่ในห้องคนไข้เดียวกัน ชายคนหนึ่งได้รับอนุญาตให้ลุกนั่งบนเตียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงทุกบ่าย เพื่อช่วยให้ของเสียไหลออกจากปอดได้สะดวกขึ้น              เตียงของผู้ป่วยคนนี้ตั้งอยู่ข้างหน้าต่างบานเดียวของห้องนั้น ส่วนชายที่อยู่อีกมุมหนึ่งต้องนอนจมอยู่บนเตียงตลอดเวลา เขาทั้งสองมักจะมีเรื่องราวพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเสมอ   ทุกๆ บ่ายเมื่อชายข้างหน้าต่างลุกขึ้น เขาก็จะเล่าให้เพื่อนร่วมห้องฟังถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่างบานนั้น             ขณะที่ผู้ฟังก็รู้สึกมีความสุขกับห้วงเวลาหนึ่งชั่วโมงดังกล่าว เพราะไม่เพียงทำให้โลกของเขากว้างขึ้น หากยังช่วยให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา กับกิจกรรมและสีสันของโลกข้างนอกนั้นอีกด้วย               ครั้งหนึ่ง เขาได้ฟังการพรรณนาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่มีเป็ดและห่านเริงเล่นน้ำกันอยู่ในทะเลสาบ ขณะเด็กๆสนุกสนานไปกับการละเล่นบนเรือ หนุ่มสาวเดินเกี่ยวก้อยพลอดรักอยู่ ท่ามกลางมวลดอกไม้หลากสีและสายรุ้ง โดยมีต้นไม้ชราสูงใหญ่เพิ่มความสงบงามให้กับสวน อีกทั้งยังพลอยเห็นภาพทิวทัศน์ของเมือง ที่ตัดกับเ

ขอบขนมปัง

รูปภาพ
                 สองสามีภรรยาตกลงจัดงานฉลองครบรอบการแต่งงาน ๕๐ ปีของพวกเขาขึ้น งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อยบนความปีติยินดีของเหล่าลูกหลาน ซึ่งในตอนนี้พวกเขาต่างก็มีครอบครัวเล็ก ๆ เป็นของตัวเองแล้ว งานเลี้ยงผ่านไปบนความเหน็ดเหนื่อยของสองสามีภรรยา                  เนื่องจากทั้งสองเป็นเจ้าภาพของงาน จึงช่วยไม่ได้ที่ทั้งสองจะไม่ได้ทานอะไรเลยทั้งสิ้นตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มขึ้น เมื่องานเลี้ยงจบลง บรรดาแขกเหรื่อก็ทยอยกลับบ้าน โดยไม่ลืมกล่าวแสดงความยินดีกับคู่สามีภรรยา                 วันนี้ทั้งสองคนถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข สองสามีภรรยาพากันมานั่งที่โต๊ะรับประทานอาหารสามีเดินไปหยิบขนมปังขาวกับแฮม ส่วนภรรยาเดินไปหยิบน้ำส้ม                ทั้งคู่เริ่มต้นทำอาหารของตนอย่างเงียบ ๆ เมื่อภรรยาเห็นสามีหยิบมีดมาตัดขอบขนมปัง แล้วส่งขอบขนมปังขาวมาให้เธอเหมือนดั่งที่เคยทำมาตลอดเวลา ๕๐ ปี เธอก็ร้องไห้แล้วพูดว่า "พอกันเสียที ตลอดเวลา ๕๐ ปีที่ผ่านมา คุณเอาแต่ส่งขอบขนมปังมาให้ โดยคุณไม่สนใจเลยว่าฉันจะเกลียดมันมากแค่ไหน ฉันเกลียดขอบขนมปัง โดยเฉพาะเวลาที่คุณส่งให้ฉัน"                

ความสำเร็จเรียนรู้จากความผิดพลาด

รูปภาพ
เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา เมื่อเขาเริ่มเรียนในพอร์ตฮูรอนในมิชิแกน ครูของเขาบ่นว่า เขาเรียนช้าเกินไป ดังนั้นมารดาของเอดิสันจึงตัดสินใจพาลูกออกจากโรงเรียน และสอนเขาอยู่ที่บ้าน                เอดิสันหลงใหลวิทยาศาสต์มาก พออายุได้ ๑๐ ปี เขาสร้างห้องทดลองเคมีของเขาสำเร็จ ตลอดชีวิตเขาสามารถประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ได้กว่า ๓,๐๐๐ ชิ้น ด้วยพลังที่ไม่มีวันหมดและความอัจฉริยะของเขา ซึ่งเขาระบุว่าเป็นแรงบันดาลใจ ๑% และเป็นเหงื่อ ๙๙%                กว่าโทมัส เอดิสันจะประดิษฐ์ดวงไฟได้ เขาทำการทดลองอยู่กว่า ๒๕,๐๐๐ ครั้ง นักข่าวถามเขาว่า “เขารู้สึกอย่างไรกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง” เขาตอบว่า “ผมไม่เคยล้มเหลวสักครั้งเดียว มันก็แค่เป็นกระบวนการ ๒๕,๐๐๐ ครั้งเท่านั้น”                เคยมีการทดลองเลี้ยงปลาในตู้กระจก ซึ่งจะมาสนับสนุนคำพูดของเอดิสันได้ชัดเจน                ชายคนหนึ่ง นำปลาพาร์คใส่ในตู้เลี้ยงปลาพร้อมลูกปลาพันธุ์อื่น ครั้งแรกเจ้าปลาพาร์คก็กินลูกปลาจนหมด จากนั้นเขานำกระจกมากั้นตรงกลาง ระหว่างปลาพาร์คและลูกปลา ครั้งนี้เจ้าปลาพาร์คก็จะไปกินลูกปลาตามปกติ แต่

ความสุข

รูปภาพ
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นจุดนัดพบของเพื่อนหนุ่มผู้มีอนาคตไกล ๓ คน หนึ่งในนั้นเป็นนักธุรกิจหน้าตาดี หลังจากรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างคุ้นเคยแล้ว ก็มีเด็กชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร  เนื้อตัวเด็กน้อยค่อนข้างมอมแมม เสื้อผ้าที่ใส่ก็เก่าๆ มือทั้งสองข้างอุ้มกล่องที่บรรจุกระดาษทิชชู่อยู่หลายสิบห่อ                              มีป้ายแขวนคอสีขมุกขะมัว เขียนตัวหนังสือสีน้ำเงินตัวโตว่า “ผมเป็นใบ้”                อีกบรรทัดมีตัวอักษรเล็กกว่า เขียนว่า “ทิชชู่ ห่อละ ๑๐ บาท”                เด็กน้อยเดินเข้าไปหาแต่ละคนในโต๊ะ แต่ก็ไม่มีใครสนใจเลย เด็กน้อยก็ยืนนิ่งอยู่ ไม่ขยับไปไหน นักธุรกิจเห็นดังนั้นจึงปัดความรำคาญ ควักเงินให้เด็กน้อยไป ๒๐ บาท เด็กน้อยจึงยื่นทิชชู่ให้ พร้อมเงินทอน                “ไม่เอาหรอก” นักธุรกิจพูด                             แต่เด็กน้อยก็ยังยื่นให้เป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มสั่นหัว พร้อมโบกมือให้ไปได้แล้ว                เด็กน้อยยิ้มพร้อมเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม แล้วกระซิบที่หูว่า “ขอบคุณครับ”                  ชายหนุ่มเพ่งมองเด็กน้อยสักครู่ แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าช

ความสุขจากการให้

รูปภาพ
ชายหนุ่มคนหนึ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ หน้าตาหล่อเหลา มีการศึกษาสูง มีงานการที่มั่นคง มีความก้าวหน้าในอนาคต มีคนรักใคร่รอบข้าง เรียกว่าใครเห็นใครรู้เป็นต้องอิจฉา วันหนึ่งชีวิตที่สมบูรณ์แบบของชายคนนี้ ยิ่งสุดยอดสมบูรณ์แบบมากขึ้น เมื่อพี่ของเขายอมควักเงินก้อนโต ซื้อรถสปอร์ตคันงามเป็นของขวัญให้กับน้องชาย ไม่ต้องบอกว่าเจ้าตัวจะยินดีปรีดาแค่ไหน เพราะรถสปอร์ตสุดหรูคันนี้ ชายหนุ่มนายนี้ฝันอยากได้เป็นเจ้าของมาตลอดชีวิต เมื่อความฝันเป็นจริง สิ่งที่ชายหนุ่มคิดทำอย่างแรก คือ ขับเจ้ารถสปอร์ตตระเวนไปตามที่ต่างๆให้สมอยาก ใจหนึ่งต้องการทดสอบแรงม้าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเครื่องว่าจะมีเรี่ยวแรงเต็มกำลังแค่ไหน อีกใจก็แน่นอนว่า ใครที่มีรถสวยแรงขนาดนี้ คงไม่บ้าเก็บเอาไว้ดูตามลำพังที่โรงรถในบ้าน ชายหนุ่มขับโฉบเฉี่ยวไปมาสักพักก็ถึงเวลาพักทั้งเครื่องและคน เขาจัดแจงจอดรถข้างถนน ระหว่างกำลังพักผ่อนอิริยาบถ เขาเห็นเด็กคนหนึ่งเดินลูบๆคลำๆรอบรถคันงาม ด้วยกิริยาท่าทีชื่นชอบรถสปอร์ตอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของสิ่งที่หลายต่อหลายคนใฝ่ฝัน เขาเดินยืดอกมาที่รถพร้อมพูดจาทักทายเด็กคน

คำถาม ๓ ข้อ

รูปภาพ
พระจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง บริหารบ้านเมืองอย่างเต็มพระปรีชาสามารถ แต่พระองค์ก็รู้สึกว่าตัวเองงานผิดพลาดอยู่บ่อยๆ .... พระองค์ตระหนักว่า หากทรงรู้คำตอบปัญหา ๓ ประการ ดังต่อไปนี้แล้ว จะทำให้พระองค์ทรงทำอะไร ไม่ผิดพลาดเลย คำถาม ๓ ประการนี้คือ ๑. เวลาไหนที่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง ๒. ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย ๓. อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา พระจักรพรรดิสั่งให้ประกาศว่าใครก็ตามที่สามารถจะตอบคำถาม ๓ ข้อนี้ได้ จะได้รับรางวัลมหาศาล ปัญหาข้อที่ ๑ มีผู้ตอบแตกต่างกัน คนที่ ๑ แนะนำให้พระจักรพรรดิทำราตางเวลาที่แน่นอน สำหรับภารกิจแต่ละอย่าง ทุกๆชั่วโมง ทุกๆวัน ทุกๆ ปี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำกิจได้ถูกต้องตามกาลที่เหมาะสม คนที่ ๒ บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนล่วงหน้าเช่นนั้น แล้วแนะนำว่าพระจักรพรรดิควรจะเลิกความสนุกสนานไร้สาระทั้งหมดแล้วเอาใจใส่ต่อกิจกรรมต่างๆ โดยพระองค์เองทุกอย่าง จึงจะทราบได้ว่าเวลาไหนเหมาะสมที่จะทำอะไร คนที่ ๓ ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระจักรพรรดิหวังจะเลือกเวลาทำกิจ ต่างๆ ที่อยู่ในอำนาจความรับผิดชอบได้เหมาะสมทุกอย่าง สิ่งที่จำ

คำถามของพ่อ

รูปภาพ
ชายแก่วัยเลย ๖๐ คนหนึ่ง คุยกับลูกชายที่เพิ่งกลับมาเยี่ยมหลังจากแต่งงานและย้ายครอบครัวออกไปไม่กี่ปี ชายแก่ :      แจ๊ค  นั่นอะไรลูก เห็นลางๆ แจ๊ค :          อ๋อ วัวน่ะพ่อ ผ่านไป ๒ -๓ นาที ชายแก่ :      แจ๊ค นั่นอะไรลูก แจ๊ค :          วัวตัวเดิมนั่นแหละพ่อ ยังไม่ไปไหนเลย ผ่านไปอีก ๒ - ๓ นาที ชายแก่ :      แจ๊ค นั่นอะไรอีกล่ะลูก แจ๊ค เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด :      วัวพ่อวัว วัวตัวเดิมที่เพิ่งถามนั่นแหละ เวลาผ่านไปอีก ๒ - ๓ นาที ชายแก่ :       แจ๊ค นั่นอะไรลูก แจ๊ค :           เอ๊ะพ่อนี่ยังไงนะ ถามซ้ำๆซากๆ ผมจะบอกครั้งสุดท้ายแล้วนะว่าวัว ผ่านไปอีก ๒ - ๓ นาที ชายแก่ :       แจ๊ค นั่นอะไรลูก แจ๊ค :           โอ๊ย! พ่อเลอะเลือนแล้ว คุยไม่รู้เรื่อง ผมไม่คุยกับพ่อแล้ว แล้วแจ๊คก็ผละจากพ่อไปอย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด เวลาผ่านไป จวบจนตอนเย็น ได้เวลาอาหารค่ำ เมื่อไม่เห็นผู้เป็นพ่อลงมา แจ๊คจึงเดินไปตามที่ห้อง ณ ที่นั้น เขาได้พบชายแก่คนนั้นนั่งเหม่อลอย ข้างๆมีไดอะรี่เก่าๆเล่มหนึ่งที่เพิ่งเขียนบันทึกในวันนี้เสร็จ แจ๊คถือวิสาสะเข้าไปอ่าน ความว่า... “ครั้งหนึ่ง เมื่อ ๓๐ ปีมาแล้ว เรามีลูกชายคนหนึ่งท

อย่าวัดคนแค่ภายนอก

รูปภาพ
สุภาพสตรีในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเรียบๆ กับสามีของเธอในชุดสูทเนื้อผ้าธรรมดาๆ ก้าวลงจากรถไฟในชานชาลาสถานีเมืองบอสตัน ทั้งคู่ยืนรออย่างสงบอยู่หน้าสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เลขานุการสาวดูออกในแว่บเดียวว่าสามีภรรยาซอมซ่อคู่นี้มาจากบ้านนอก และไม่น่าจะมีธุระอะไรในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแห่งนี้ หล่อนขมวดคิ้ว "เราต้องการพบท่านอธิการบดี" สามีกล่าวนุ่มนวล "ท่านติดนัดตลอดทั้งวัน" เลขาฯ สะบัดเสียงเล็กน้อย "งั้นเราจะรอ" ภรรยาตอบ เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่เลขานุการทำเป็นไม่สนใจ โดยประมาณว่าทั้งคู่คงทนไม่ได้ และกลับไปเอง ...แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่... เลขาฯ สาวเริ่มไม่แน่ใจจึงเข้าไปเรียนท่านอธิการบดี "พวกเขาคงแค่อยากพบท่านครู่เดียว แล้วก็จะกลับ" หล่อนอธิบาย ท่านอธิการบดีถอนใจด้วยความเบื่อหน่ายแล้วก็พยักหน้าแบบเสียไม่ได้ ความจริงแล้วคนสำคัญระดับท่านอธิการบดีจะมีเวลาพบคนระดับนี้ได้อย่างไร? ... แต่ก็เถอะนะ ท่านคิด ... ดีกว่าปล่อยให้คู่สามีภรรยาบ้านนอกป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ให้ใครต่อใครมาเห็น ท่านเชิดหน้าอย่างทรงเกียรติใส่ทั้งคู่ ภรรยากล่าวขึ้น "ล

คุณค่าของเวลา

รูปภาพ
ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๑๐ ปี มีค่าขนาดไหน ถามคู่แต่งงานที่เพิ่งหย่าร้างกัน ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๔ ปี มีค่าขนาดไหน ถามนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งรับปริญญาจากมหาวิทยาลัย ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๑ ปี มีค่าขนาดไหน ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๙ เดือน มีค่าขนาดไหน ถามแม่ที่เพิ่งคลอดลูก ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๑ เดือน มีค่าขนาดไหน ถามมารดาที่คลอดบุตรก่อนกำหนด ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๑ อาทิตย์ มีค่าขนาดไหน ถามบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๑ ชั่วโมง มีค่าขนาดไหน ถามคนรักที่รอพบกัน ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๑ นาที มีค่าขนาดไหน ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทาง หรือเครื่องบิน ถ้าอยากรู้ว่า เวลา ๑ วินาที มีค่าขนาดไหน ถามคนที่รอดตายจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด ถ้าอยากรู้ว่า เวลาเสี้ยวหนึ่งของวินาที มีค่าขนาดไหน ถามนักกีฬาโอลิมปิคที่ชนะเหรียญเงิน เวลาไม่เคยรอใคร... เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก จงใช้เวลาทุกขณะอย่างดีที่สุด คุณจะรู้คุณค่าของเวลาเมื่อคุณแบ่งปันกับคนที่พิเศษที่สุดในชีวิตของคุณ credit :  http://www.kalyanamitra.org

คุณค่าในตัวเอง

รูปภาพ
นักพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่ง ได้เริ่มหยุดการสัมมนาของเขา โดยการหยิบแบงค์ ๒๐ ดอลลาร์ขึ้นมาในห้องที่มีผู้เข้าสัมมนาร่วม ๒๐๐ คน แล้วเขาก็พูดว่า "ใครอยากได้แบงค์ ๒๐ นี้บ้าง?" มีคนยกมือขึ้นเป็นจำนวนมาก และเขาก็พูดต่อว่า "ผมจะให้เงินแบงค์ ๒๐ นี้แก่หนึ่งในพวกคุณ แต่ครั้งแรกนั้น ผมจะทำอย่างนี้" เขาเริ่มขยำเงินนั้น แล้วเขาก็ถามอีกว่า "ใครยังต้องการแบงค์นี้อีกไหม" ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก "ดี" เขาตอบ "แล้วถ้าผมทำอย่างนี้ล่ะ" เขาทิ้งมันลงที่พื้น และเหยียบย่ำมันด้วยรองเท้าของเขา แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา ขณะนี้มันทั้งยับยู่ยี่และสกปรก "ตอนนี้ ใครยังต้องการมันอีกไหม" ก็ยังคงมีคนยกมืออีก "เพื่อนๆ คุณได้เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่า ไม่ว่าผมจะทำอะไรกับเงิน คุณก็ยังต้องการมันอยู่ เพราะว่ามันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย มันก็ยังคงมีค่า ๒๐ ดอลล์อยู่นั่นเอง เหมือนกับหลายๆครั้งในชีวิตของเรา ที่ถูกทิ้ง ถูกเหยียบย่ำ และถูกทำให้สกปรกโดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมัน และสภาพแวดล้อมที่เราเจอทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลด

ใครฆ่าลูก

รูปภาพ
มีเรื่องเศร้าเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง เมื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้น ก็มีเสียงดังมาจากอีกฝ่ายหนึ่งว่า "พ่อ นี่แม่พูดนะ รีบมาโรงพยาบาลด่วน ลูกสาวของเราได้รับอุบัติเหตุรถคว่ำ เวลานี้อยู่ในห้องไอ.ซี.ยู" เมื่อถึงโรงพยาบาลเขาถามภรรยาว่า "เรื่องราวเป็นอย่างไรกัน" ภรรยาตอบว่า "เพื่อนที่พาลูกสาวไปเที่ยว ขับรถเร็วจนคว่ำ ตำรวจพามาที่โรงพยาบาล บอกแม่ว่า พบขวดเหล้าอยู่ในรถ เด็กทั้งสองคงดื่มกันมากเกินไป" สามีพูดสวนออกไปด้วยความโกรธว่า "เลวจริงๆ ถ้าจับได้ว่าใครมันขายเหล้าให้แก่เด็กอายุ ๑๕ -๑๖ ล่ะก็ จะฆ่ามันให้ตาย" พ่อทนดูความเจ็บปวดของลูกไม่ได้ จึงขอตัวกลับก่อน เมื่อเขาเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว รู้สึกเครียดหนัก เดินไปที่ตู้เก็บเหล้า รินเหล้าออกมาดื่มเพื่อคลายความปวดร้าวของหัวใจ และบนหิ้งนั่นเองเขาพบกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้ จึงหยิบขึ้นมาอ่าน "พ่อขา หวังว่าพ่อคงไม่โกรธนะ ที่หนูเอาเหล้าของพ่อไปขวดหนึ่ง"                เด็กสมัยนี้พอย่างเข้าวัยรุ่นก็จะเริ่มตีจากพ่อแม่และวัยผู้ใหญ่ทั้งหลาย เขามีโลกของเขาเองที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา ในวัยเด็กจึงยังเป็นวั

เคล็ดลับของความสุข

รูปภาพ
พ่อค้าคนหนึ่งส่งลูกชายของเขาไปเรียนรู้เคล็ดลับของความสุขจากชายผู้ชาญฉลาดที่สุดในโลก เด็กหนุ่มเดินทางไปในทะเลทราย ถึง ๔๐วัน ในที่สุดเขาก็มาถึงปราสาทสวยงาม ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เหนือภูผา                ปราสาทนี้ เป็นที่พำนักของผู้ชาญฉลาดที่เขาตามหา แต่แทนที่เขาจะได้พบชายมีลักษณะเหมือนนักบุญ เมื่อเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องโถงกลางปราสาท เขากลับเห็นว่าในห้องนั้นมีกิจกรรมต่างๆมากมาย                พ่อค้ากำลังเดินเข้าออก                คนจับกลุ่มคุยกันตรงมุมห้องด้านหนึ่ง                มีวงดนตรีเล็กๆกำลังบรรเลงเพลงอยู่                และบนโต๊ะก็วางอาหารที่อร่อยที่สุด                ชายผู้ชาญฉลาดสนทนากับทุกคน เด็กหนุ่มต้องรอนานถึง ๒ ชั่วโมง กว่าจะได้พูดคุยกับเขา ชายผู้ชาญฉลาดตั้งใจฟังเด็กหนุ่มอธิบายว่าเขามาที่นี่ทำไม และบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีเวลาอธิบายเคล็ดลับ ของการมีความสุขให้ฟัง                ชายผู้ชาญฉลาดแนะให้เด็กหนุ่มเดินดูรอบๆปราสาท และกลับมาหาเขาใหม่ใน ๒ ชั่วโมงหลังจากนั้น                "ระหว่างนั้นฉันอยากให้เธอทำอะไรบางอย่าง" ชายผู้ชาญฉลาดบอกเด็กหนุ่ม แล้วยื่นช้อนซ

ช่างไม้เกษียณ

รูปภาพ
เรื่องก็มีอยู่ว่า มีช่างไม้สูงอายุคนหนึ่งต้องการจะเกษียณตัวเอง ก็เลยบอกความต้องการดังกล่าวกับนายจ้าง เกี่ยวความต้องการที่จะเกษียณ และใช้ชีวิตที่แสนสุขกับภรรยา ซึ่งช่างไม้ก็บอกว่าเขาอาจจะเสียดายค่าจ้างที่จะได้รับ แต่เขาก็ต้องการที่จะเกษียณ นายจ้างก็บ่นเสียดายที่จะต้องสูญเสียช่างฝีมือดีไป แต่ก็ได้ขอร้องให้ช่างคนนี้ ช่วยสร้างบ้านให้อีกสัก ๑ หลัง ช่างไม้ผู้นั้นก็ตอบตกลง ครั้นพอบ้านสร้างเสร็จ ก็พบว่ามันไม่ใช่งานที่เป็นฝีมือของช่างคนนี้เลยแม้แต่น้อย งานที่ออกมาก็เป็นงานแค่เปลือกนอก วัตถุดิบที่ใช้ก็ด้อยคุณภาพ มันช่างเป็นการจบชีวิตช่างฝีมือดีที่ไม่สวยหรูเลย และเมื่อนายจ้างสำรวจงานชิ้นนี้ของช่างผู้นี้ นายจ้างก็ได้ยื่นกุญแจให้ แล้วบอกกับช่างไม้ว่า “นี่คือบ้านของคุณ ....... ผมขอมอบให้คุณเป็นของขวัญ” เมื่อช่างไม้ได้ยินเช่นนั้น ถึงกับตกใจและอุทานกับตัวเองว่า น่าละอายจริงๆ ถ้าเขารู้สักนิดว่ากำลังสร้างบ้านของตัวเองอยู่ล่ะก็ เขาก็คงตั้งใจสร้างให้ดีกว่านี้ เช่นเดียวกับพวกเราที่กำลังสร้างชีวิตของตัวเราเอง ด้วยการสั่งสมสิ่งต่างๆ วันละเล็กวันละน้อย และบ่อยครั้ง ที่เราไม่ได้ใช้ความพยายามอย่า

ช้างหลงผิด

รูปภาพ
ในครั้งอดีตกาล มีพระราชาพระองค์หนึ่ง ทรงโปรดให้เลี้ยงช้างซึ่งมีลักษณะดีอยู่เชือกหนึ่ง เป็นช้างที่แสนรู้ เชื่องมาก ทั้งสุภาพ อ่อนโยน ไม่เคยทำร้ายใครเลย พระองค์ทรงรักช้างเชือกนี้มาก แต่งตั้งให้เป็นช้างพระที่นั่งที่ใช้เสด็จไปในที่ต่างๆ                อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ช้างหลวงที่เคยสุภาพ อ่อนโยน กลับกลายเป็นช้างที่ดุร้าย ทำร้ายทุกคนที่เข้าใกล้ ถึงขนาดเอางวงจับคนเลี้ยงช้างฟาดพื้นจนตายคาที่ ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดช้างหลวงจึงมีนิสัยเปลี่ยนไปเช่นนี้ ทุกคนพากันลงความเห็นว่า ช้างหลวงบ้าไปเสียแล้ว สมควรที่จะต้องฆ่าทิ้ง ข้าราชบริพารทั้งหลายจึงพากันกราบทูลให้ฆ่าช้างหลวงนั้นเสีย                พระราชาทรงเสียพระทัยที่ต้องฆ่าช้างที่พระองค์รักมาก จึงรับสั่งให้บัณฑิต ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่ชาญฉลาดในแผ่นดินมาเข้าเฝ้า บัณฑิตนั้นเชื่อว่า เป็นไปไม่ได้ที่อยู่ดีๆ นิสัยของช้างจะเปลี่ยนไป จะต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับช้างตัวนี้แน่นอน                บัณฑิตจึงไปซ่อนตัวอยู่ในบริเวณโรงเลี้ยงช้าง และได้พบว่า ทุกคืนจะมีโจรกลุ่มหนึ่ง แอบมาพบกันในบริเวณโรงเลี้ยงช้างแห่ง

ต้นเชอรี่

รูปภาพ
มีพ่ออยู่คนหนึ่ง ได้ต้นเชอรี่พันธุ์ดีมาก็เอามาปลูกไว้ที่บ้าน และสั่งให้ทุกคนในบ้านช่วยกันดูแล เพื่อว่าเมื่อต้นเชอรี่โตขึ้นทุกคนจะได้กินผลที่อร่อยจากต้นเชอรี่พันธุ์ดีนี้ และคุณพ่อเองก็เฝ้ารดน้ำใส่ปุ๋ยดูแลมันอย่างดี เป็นเชอรี่ต้นโปรดของคุณพ่อทีเดียว อยู่มาวันหนึ่งขณะที่คุณพ่อออกไปทำงาน ลูกชายชื่อจอร์จซึ่งได้ขวานเล็กๆ อันใหม่มา ด้วย ความซนก็ฟันนู่นฟันนี่ แล้วก็ไปโดนต้นเชอรี่แสนรักของคุณพ่อเข้า ต้นเชอรี่ค่อยๆ เอนตัวแล้วก็ล้มลงกับพื้น เหลือแต่ตอที่อยู่เหนือพื้นดินมาไม่กี่นิ้ว เมื่อคุณพ่อกลับมาถึงบ้านเห็นต้นเชอรี่แสนรักในสภาพอย่างนั้นก็ตกใจมาก เรียกทุกคนในบ้านมาถามก็ไม่มีใครทราบ จนคุณพ่อนึกถึงลูกชายคนนี้ ก็ตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดังว่า "จอร์จ มานี่ซิ " จอร์จก็เดินออกมาหาคุณพ่อ คุณพ่อได้ถามจอร์จว่า "จอร์จ ลูกรู้ไหมว่าทำไมต้นเชอรี่ถึงเป็นแบบนี้" จอร์จก้มหน้า แต่ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นตอบคุณพ่อว่า "ผมไม่กล้าโกหกคุณพ่อหรอกครับว่า ผมเป็นคนเอาขวานฟันต้นเชอรี่นี้เอง" คุณพ่อบอกจอร์จว่า "เข้าไปรอพ่อในบ้าน" …. จอร์จเดินเข้าไปรอคุณพ่อในห้องของเค้า เวลาผ่านไ