เปรียบเหมือนปุยนุ่น
หมายเหตุ : แร็บไบ คืออาจารย์ในศาสนายิว เหมือนดะโต๊ะ ในศาสนาอิสลาม
เรื่องมีอยู่ว่า มีแร็บไบคนหนึ่งในชุมชนของชาวยิว ณ เมืองแห่งหนึ่ง เป็นคนดี มีศรัทธาในพระเจ้าเป็นอย่างมาก เขาสั่งสอนให้คนในหมู่บ้านกระทำแต่ความดีอยู่เป็นเนืองนิจ
ทำให้ชาวบ้านเคารพรักและศรัทธาในตัวของแร็บไบผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ตาเฒ่าชาวยิวซึ่งเป็นระดับหัวหน้าในชุมชนแห่งนี้ผู้หนึ่ง เกิดความอิจฉาริษยาในตัวแร็บไบผู้นี้เป็นอย่างมาก
เรื่องมีอยู่ว่า มีแร็บไบคนหนึ่งในชุมชนของชาวยิว ณ เมืองแห่งหนึ่ง เป็นคนดี มีศรัทธาในพระเจ้าเป็นอย่างมาก เขาสั่งสอนให้คนในหมู่บ้านกระทำแต่ความดีอยู่เป็นเนืองนิจ
ทำให้ชาวบ้านเคารพรักและศรัทธาในตัวของแร็บไบผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ตาเฒ่าชาวยิวซึ่งเป็นระดับหัวหน้าในชุมชนแห่งนี้ผู้หนึ่ง เกิดความอิจฉาริษยาในตัวแร็บไบผู้นี้เป็นอย่างมาก
ตาเฒ่าคนนี้ จึงหากลวิธีที่จะทำลายแร็บไบ โดยการ เข้า ๆ ออก ๆ บ้านโน้นที บ้านนี้ที พร้อมทั้งติฉินนินทากล่าวร้ายป้ายสีแร็บไบให้เสียหาย เมื่อเป็นเช่นนี้ปากต่อปากของชาวบ้านจึงทำให้ข่าวลือในทางเสียหาย แต่ไม่มีมูลความจริงเกี่ยวกับตัวแร็บไบแพร่สะพัดไปทั่วทั้งหมู่บ้านด้วยความรวดเร็วราวกับลมพายุ
ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มเสื่อมศรัทธาในตัวแร็บไบ บางคนที่เชื่อเรื่องโกหกเหล่านั้นถึงกับไม่พูดจาเสวนากับแร็บไบเพาะความรังเกียจ โดยชาวบ้านที่โง่งมงายเหล่านี้ก็ไม่เคยไปไต่ถามแร็บไบด้วยตัวเองถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องแต่อย่างใด
แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่ง ตาเฒ่าผู้เป็นต้นเรื่องทั้งหมดเกิดความสำนึกในการกระทำของตน ว่ากระทำความไม่ดีกับแร็บไบมากจนเกินไปเพราะความอิจฉาริษยาของตนเอง จนเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุที่น่าเศร้ากับแร็บไบ และซ้ำร้ายแร็บไบผู้นี้ในไม่ช้าก็จะต้องออกจากหมู่บ้านไปยังที่อื่น ซึ่งหมายถึงว่า หมู่บ้านที่เขาอยู่นี้ จะไม่มีบุคคลที่เคยเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กับชาวบ้านผู้ที่ประสบทุกข์อีกสืบไป
ดังนั้น ตาเฒ่าจึงรีบรุดไปพบแร็บไบและขอสารภาพบาป อีกทั้งขอให้แร็บไบลงโทษเขาด้วยวิธีใดก็ได้ให้สาสมกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป โดยที่เขาจะปฏิบัติตามบทลงโทษนั้นทุกประการอย่างไม่มีเงื่อนไข
แร็บไบได้ฟังคำสารภาพบาปจากตาเฒ่าขี้อิจฉาด้วยอาการสงบ และเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกับตาเฒ่าผู้นั้นว่า “ข้ายินดีรับคำสารภาพบาปนั้น แต่ข้าไม่มีบทลงโทษใด ๆ กับเจ้า ยกเว้นเสียแต่ว่า ข้ามีเรื่องที่จะขอให้เจ้าทำสิ่งหนึ่งให้กับข้าจะได้หรือไม่”
ตาเฒ่ารับคำด้วยความยินดีว่า “ท่านแร็บไบจะให้ข้าทำกิจธุระในเรื่องใดหรือ”
แร็บไบบอกว่า “ขอให้เจ้าจงนำหมอนหนึ่งใบ พร้อมด้วยมีดหนึ่งเล่ม แล้วมาพบข้าในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าโดยขอให้เป็นช่วงที่ชาวบ้านทุกคนตื่นนอนแล้ว และกำลังจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปตลาดกัน”
ตาเฒ่ารับคำ แล้วรีบกลับบ้านไป เช้าวันรุ่งขึ้นในขณะที่ชาวบ้านทุกคนตื่นนอนแล้ว และกำลังจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปตลาดกัน ตาเฒ่าก็มาถึงยังบ้านของแร็บไบ พร้อมด้วยสิ่งของที่แร็บไบสั่งให้เขานำมาด้วย
เมื่อแร็บไบออกมาพบตาเฒ่าแล้วจึงบอกตาเฒ่าว่า “เจ้าจงนำหมอนใบนี้พร้อมด้วยมีดไปที่จัตุรัสกลางเมืองที่มีคนพลุกพล่าน จากนั้นเจ้าจงนำมีดกรีดลงไปบนหมอนเพื่อให้ปุยนุ่นปลิวออกมาได้ แล้วเจ้าจงนำหมอนใบนั้นโบกสะบัดเหนือหัวของเจ้า เพื่อนุ่นจะได้ปลิวไปได้ไกล ๆ พร้อมกับสายลม เจ้าจงทำเช่นนั้นจนกว่าปุยนุ่นจะหมดจากหมอน จากนั้นเจ้าจงกลับมาพบข้า”
ตาเฒ่าได้ยินเช่นนั้น นึกดีใจว่า ช่างเป็นบทลงโทษที่ไม่น่ากลัวและแสนจะง่ายดายเสียนี่กระไร จึงรีบขมีขมันไปทำตามคำสั่งของแร็บไบในทันที เมื่อปุยนุ่นปลิวออกไปจากหมอนจนหมดแล้ว ตาเฒ่าก็รีบกลับมาหาแร็บไบพร้อมกับถามแร็บไบว่า “ท่านแร็บไบ ข้าทำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านจะให้ข้ากระทำสิ่งใดต่อไปหรือ”
เมื่อแร็บไบทราบด้งนั้นแล้ว จึงบอกกับตาเฒ่าว่า “เจ้าจงไปเก็บปุยนุ่นทั้งหมดที่ปลิวออกไป กลับมาใส่หมอนให้ครบ”
ตาเฒ่าได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการตาเหลือกลมแทบจับ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่มีวันที่จะเก็บปุยนุ่นเหล่านั้นได้หมดหรอก เพราะว่ามันปลิวไปที่ไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้”
แร็บไบยิ้มรับคำพูดของตาเฒ่าผู้นั้น แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเป็นอย่างยิ่งว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าทำไม่ได้หรอก และจะไม่มีวันที่ใครจะทำได้ด้วย เพราะว่าปุยนุ่นเหล่านั้นเป็นเสมือนคำพูดของตัวเจ้าเอง ที่เฝ้าติฉินนินทากล่าวร้ายป้ายสีข้า
และคำพูดเหล่านั้นก็ปลิวไปเหมือนกับปุยนุ่น ซึ่งเจ้าก็จะไม่มีวันที่จะไปตามแก้ไขหรือตามเก็บคำพูดของเจ้าได้หมด ข้าต้องการให้เจ้าสำนึกไว้ว่า การพูดให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริงจะให้ผลเสียเช่นไรตามมาบ้าง และเจ้าจงพึงจดจำไว้เถิดว่า ผลของการกระทำของเจ้าจะย้อนกลับมาหาเจ้าสักวันหนึ่งข้างหน้าเช่นกัน”
ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มเสื่อมศรัทธาในตัวแร็บไบ บางคนที่เชื่อเรื่องโกหกเหล่านั้นถึงกับไม่พูดจาเสวนากับแร็บไบเพาะความรังเกียจ โดยชาวบ้านที่โง่งมงายเหล่านี้ก็ไม่เคยไปไต่ถามแร็บไบด้วยตัวเองถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องแต่อย่างใด
แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่ง ตาเฒ่าผู้เป็นต้นเรื่องทั้งหมดเกิดความสำนึกในการกระทำของตน ว่ากระทำความไม่ดีกับแร็บไบมากจนเกินไปเพราะความอิจฉาริษยาของตนเอง จนเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุที่น่าเศร้ากับแร็บไบ และซ้ำร้ายแร็บไบผู้นี้ในไม่ช้าก็จะต้องออกจากหมู่บ้านไปยังที่อื่น ซึ่งหมายถึงว่า หมู่บ้านที่เขาอยู่นี้ จะไม่มีบุคคลที่เคยเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กับชาวบ้านผู้ที่ประสบทุกข์อีกสืบไป
ดังนั้น ตาเฒ่าจึงรีบรุดไปพบแร็บไบและขอสารภาพบาป อีกทั้งขอให้แร็บไบลงโทษเขาด้วยวิธีใดก็ได้ให้สาสมกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป โดยที่เขาจะปฏิบัติตามบทลงโทษนั้นทุกประการอย่างไม่มีเงื่อนไข
แร็บไบได้ฟังคำสารภาพบาปจากตาเฒ่าขี้อิจฉาด้วยอาการสงบ และเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกับตาเฒ่าผู้นั้นว่า “ข้ายินดีรับคำสารภาพบาปนั้น แต่ข้าไม่มีบทลงโทษใด ๆ กับเจ้า ยกเว้นเสียแต่ว่า ข้ามีเรื่องที่จะขอให้เจ้าทำสิ่งหนึ่งให้กับข้าจะได้หรือไม่”
ตาเฒ่ารับคำด้วยความยินดีว่า “ท่านแร็บไบจะให้ข้าทำกิจธุระในเรื่องใดหรือ”
แร็บไบบอกว่า “ขอให้เจ้าจงนำหมอนหนึ่งใบ พร้อมด้วยมีดหนึ่งเล่ม แล้วมาพบข้าในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าโดยขอให้เป็นช่วงที่ชาวบ้านทุกคนตื่นนอนแล้ว และกำลังจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปตลาดกัน”
ตาเฒ่ารับคำ แล้วรีบกลับบ้านไป เช้าวันรุ่งขึ้นในขณะที่ชาวบ้านทุกคนตื่นนอนแล้ว และกำลังจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปตลาดกัน ตาเฒ่าก็มาถึงยังบ้านของแร็บไบ พร้อมด้วยสิ่งของที่แร็บไบสั่งให้เขานำมาด้วย
เมื่อแร็บไบออกมาพบตาเฒ่าแล้วจึงบอกตาเฒ่าว่า “เจ้าจงนำหมอนใบนี้พร้อมด้วยมีดไปที่จัตุรัสกลางเมืองที่มีคนพลุกพล่าน จากนั้นเจ้าจงนำมีดกรีดลงไปบนหมอนเพื่อให้ปุยนุ่นปลิวออกมาได้ แล้วเจ้าจงนำหมอนใบนั้นโบกสะบัดเหนือหัวของเจ้า เพื่อนุ่นจะได้ปลิวไปได้ไกล ๆ พร้อมกับสายลม เจ้าจงทำเช่นนั้นจนกว่าปุยนุ่นจะหมดจากหมอน จากนั้นเจ้าจงกลับมาพบข้า”
ตาเฒ่าได้ยินเช่นนั้น นึกดีใจว่า ช่างเป็นบทลงโทษที่ไม่น่ากลัวและแสนจะง่ายดายเสียนี่กระไร จึงรีบขมีขมันไปทำตามคำสั่งของแร็บไบในทันที เมื่อปุยนุ่นปลิวออกไปจากหมอนจนหมดแล้ว ตาเฒ่าก็รีบกลับมาหาแร็บไบพร้อมกับถามแร็บไบว่า “ท่านแร็บไบ ข้าทำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านจะให้ข้ากระทำสิ่งใดต่อไปหรือ”
เมื่อแร็บไบทราบด้งนั้นแล้ว จึงบอกกับตาเฒ่าว่า “เจ้าจงไปเก็บปุยนุ่นทั้งหมดที่ปลิวออกไป กลับมาใส่หมอนให้ครบ”
ตาเฒ่าได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการตาเหลือกลมแทบจับ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่มีวันที่จะเก็บปุยนุ่นเหล่านั้นได้หมดหรอก เพราะว่ามันปลิวไปที่ไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้”
แร็บไบยิ้มรับคำพูดของตาเฒ่าผู้นั้น แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเป็นอย่างยิ่งว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าทำไม่ได้หรอก และจะไม่มีวันที่ใครจะทำได้ด้วย เพราะว่าปุยนุ่นเหล่านั้นเป็นเสมือนคำพูดของตัวเจ้าเอง ที่เฝ้าติฉินนินทากล่าวร้ายป้ายสีข้า
และคำพูดเหล่านั้นก็ปลิวไปเหมือนกับปุยนุ่น ซึ่งเจ้าก็จะไม่มีวันที่จะไปตามแก้ไขหรือตามเก็บคำพูดของเจ้าได้หมด ข้าต้องการให้เจ้าสำนึกไว้ว่า การพูดให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริงจะให้ผลเสียเช่นไรตามมาบ้าง และเจ้าจงพึงจดจำไว้เถิดว่า ผลของการกระทำของเจ้าจะย้อนกลับมาหาเจ้าสักวันหนึ่งข้างหน้าเช่นกัน”