ต้นเชอรี่
มีพ่ออยู่คนหนึ่ง ได้ต้นเชอรี่พันธุ์ดีมาก็เอามาปลูกไว้ที่บ้าน และสั่งให้ทุกคนในบ้านช่วยกันดูแล เพื่อว่าเมื่อต้นเชอรี่โตขึ้นทุกคนจะได้กินผลที่อร่อยจากต้นเชอรี่พันธุ์ดีนี้ และคุณพ่อเองก็เฝ้ารดน้ำใส่ปุ๋ยดูแลมันอย่างดี เป็นเชอรี่ต้นโปรดของคุณพ่อทีเดียว
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่คุณพ่อออกไปทำงาน ลูกชายชื่อจอร์จซึ่งได้ขวานเล็กๆ อันใหม่มา ด้วย ความซนก็ฟันนู่นฟันนี่ แล้วก็ไปโดนต้นเชอรี่แสนรักของคุณพ่อเข้า ต้นเชอรี่ค่อยๆ เอนตัวแล้วก็ล้มลงกับพื้น เหลือแต่ตอที่อยู่เหนือพื้นดินมาไม่กี่นิ้ว
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่คุณพ่อออกไปทำงาน ลูกชายชื่อจอร์จซึ่งได้ขวานเล็กๆ อันใหม่มา ด้วย ความซนก็ฟันนู่นฟันนี่ แล้วก็ไปโดนต้นเชอรี่แสนรักของคุณพ่อเข้า ต้นเชอรี่ค่อยๆ เอนตัวแล้วก็ล้มลงกับพื้น เหลือแต่ตอที่อยู่เหนือพื้นดินมาไม่กี่นิ้ว
เมื่อคุณพ่อกลับมาถึงบ้านเห็นต้นเชอรี่แสนรักในสภาพอย่างนั้นก็ตกใจมาก เรียกทุกคนในบ้านมาถามก็ไม่มีใครทราบ จนคุณพ่อนึกถึงลูกชายคนนี้ ก็ตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดังว่า "จอร์จ มานี่ซิ "
จอร์จก็เดินออกมาหาคุณพ่อ คุณพ่อได้ถามจอร์จว่า "จอร์จ ลูกรู้ไหมว่าทำไมต้นเชอรี่ถึงเป็นแบบนี้" จอร์จก้มหน้า แต่ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นตอบคุณพ่อว่า "ผมไม่กล้าโกหกคุณพ่อหรอกครับว่า ผมเป็นคนเอาขวานฟันต้นเชอรี่นี้เอง" คุณพ่อบอกจอร์จว่า "เข้าไปรอพ่อในบ้าน" ….
จอร์จเดินเข้าไปรอคุณพ่อในห้องของเค้า เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ คุณพ่อก็เข้ามาในห้อง และถามจอร์จว่า "ทำไมลูกถึงตัดต้นเชอรี่ ที่อีกหน่อยทุกคนในบ้านจะได้กินผลจากมันล่ะ" จอร์จตอบคุณพ่อว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ผมทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมเอง"
แล้วจอร์จก็ก้มหน้าลง หน้าแดงด้วยความละอาย แล้วก็ได้ยินเสียงคุณพ่อพูดว่า "จอร์จ ลูกดูหน้าพ่อซิ ถึงพ่อจะรู้สึกเสียใจที่ต้นเชอรี่ที่พ่อรักถูกโค่นไป แต่พ่อก็ดีใจยิ่งกว่าที่ลูก ของพ่อซื่อสัตย์และกล้าหาญที่ยอมรับในการกระทำของตัวเอง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ถึงแม้ จะมีเชอรี่พันธุ์ดีเต็มสวนก็ไม่มีประโยชน์อะไร"
จอร์จจดจำเรื่องราวเหล่านี้และใช้ความกล้าหาญและซื่อสัตย์ตลอดมาจนแม้กระทั่ง ในการดำรงฐานะเป็นประธานาธิบดี "จอร์จ วอชิงตัน" เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของท่านประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน
ฟังแล้วประทับใจในวิธีการสอนของคุณพ่อ แทนที่คุณพ่อจะทำโทษลูกด้วยวิธีอันรุนแรงเกรี้ยวกราดกับลูก หรือให้ความสำคัญกับสิ่งของ แต่คุณพ่อกลับพูดกับลูกอย่างอ่อนโยนด้วยถ้อยคำที่ทำให้ลูกต้องจดจำไปตลอดชีวิต ถ้าคุณพ่อทำโทษแรงๆ ก็อาจจะไม่มีประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน แบบนี้ก็ได้…..
ในชีวิตมีสักครั้งไหม ที่เราเกรี้ยวกราดกับสิ่งที่ไม่มีวันได้คืน แทนที่จะใส่ใจกับสิ่งที่ยังอยู่มากกว่า
จอร์จก็เดินออกมาหาคุณพ่อ คุณพ่อได้ถามจอร์จว่า "จอร์จ ลูกรู้ไหมว่าทำไมต้นเชอรี่ถึงเป็นแบบนี้" จอร์จก้มหน้า แต่ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นตอบคุณพ่อว่า "ผมไม่กล้าโกหกคุณพ่อหรอกครับว่า ผมเป็นคนเอาขวานฟันต้นเชอรี่นี้เอง" คุณพ่อบอกจอร์จว่า "เข้าไปรอพ่อในบ้าน" ….
จอร์จเดินเข้าไปรอคุณพ่อในห้องของเค้า เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ คุณพ่อก็เข้ามาในห้อง และถามจอร์จว่า "ทำไมลูกถึงตัดต้นเชอรี่ ที่อีกหน่อยทุกคนในบ้านจะได้กินผลจากมันล่ะ" จอร์จตอบคุณพ่อว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ผมทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมเอง"
แล้วจอร์จก็ก้มหน้าลง หน้าแดงด้วยความละอาย แล้วก็ได้ยินเสียงคุณพ่อพูดว่า "จอร์จ ลูกดูหน้าพ่อซิ ถึงพ่อจะรู้สึกเสียใจที่ต้นเชอรี่ที่พ่อรักถูกโค่นไป แต่พ่อก็ดีใจยิ่งกว่าที่ลูก ของพ่อซื่อสัตย์และกล้าหาญที่ยอมรับในการกระทำของตัวเอง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ถึงแม้ จะมีเชอรี่พันธุ์ดีเต็มสวนก็ไม่มีประโยชน์อะไร"
จอร์จจดจำเรื่องราวเหล่านี้และใช้ความกล้าหาญและซื่อสัตย์ตลอดมาจนแม้กระทั่ง ในการดำรงฐานะเป็นประธานาธิบดี "จอร์จ วอชิงตัน" เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของท่านประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน
ฟังแล้วประทับใจในวิธีการสอนของคุณพ่อ แทนที่คุณพ่อจะทำโทษลูกด้วยวิธีอันรุนแรงเกรี้ยวกราดกับลูก หรือให้ความสำคัญกับสิ่งของ แต่คุณพ่อกลับพูดกับลูกอย่างอ่อนโยนด้วยถ้อยคำที่ทำให้ลูกต้องจดจำไปตลอดชีวิต ถ้าคุณพ่อทำโทษแรงๆ ก็อาจจะไม่มีประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน แบบนี้ก็ได้…..
ในชีวิตมีสักครั้งไหม ที่เราเกรี้ยวกราดกับสิ่งที่ไม่มีวันได้คืน แทนที่จะใส่ใจกับสิ่งที่ยังอยู่มากกว่า
credit : http://www.kalyanamitra.org
ภาษาอังกฤษ
When George was about six years old, he was made the wealthy master of a hatchet of which, like most little boys, he was extremely fond. He went about chopping everything that came his way.
One day, as he wandered about the garden amusing himself by hacking his mother's pea sticks, he found a beautiful, young English cherry tree, of which his father was most proud. He tried the edge of his hatchet on the trunk of the tree and barked it so that it died.
Some time after this, his father discovered what had happened to his favorite tree. He came into the house in great anger, and demanded to know who the mischievous person was who had cut away the bark. Nobody could tell him anything about it.
Just then George, with his little hatchet, came into the room.
"George,'' said his father, "do you know who has killed my beautiful little cherry tree yonder in the garden? I would not have taken five guineas for it!''
This was a hard question to answer, and for a moment George was staggered by it, but quickly recovering himself he cried:
"I cannot tell a lie, father, you know I cannot tell a lie! I did cut it with my little hatchet.''
The anger died out of his father's face, and taking the boy tenderly in his arms, he said:
"My son, that you should not be afraid to tell the truth is more to me than a thousand trees! Yes - though they were blossomed with silver and had leaves of the purest gold!''