สิ่งที่เรามองข้าม


เขียนโดย จอร์จ คอลลิน
แปลโดย bobby (บี)

GEORGE CARLIN POST 9-11 (His wife recently died...) 
จอร์จ คอลลิน เขียน ณ วันที่ 11กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่มและ ภรรยาเขาตาย)

 Isn't it amazing that George Carlin - gross and mouthy comedian of the 70's and 80's - could write 
 แปลกไหมที่ จอร์จ คอลลิน ซึ่งโด่งดังในฐานะดาราตลก จะสามารถเขียน

 something so very eloquent ... 
 อะไรบางอย่างที่ซาบซึ้ง

 and so very appropriate post 9-11. 
 และเหมาะสมกับวันนั้น

 A wonderful Message by George Carlin
 นี่คือข้อความที่วิเศษ โดย จอร์จ คอลลิน

 The paradox of our time in history is that we have taller buildings but shorter tempers, wider freeways, but narrower viewpoints. We spend more, but have less, we buy more, but enjoy less. We have bigger houses and smaller families, more conveniences, but less time. We have more degrees but less sense, more knowledge, but less judgment, more experts, yet more
 problems, more medicine, but less wellness.
 นี่เป็นความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเรา เรามีตึกที่สูงเสียดฟ้าแต่อารมณ์ที่ฉุนเฉียวง่าย มีถนนที่กว้างใหญ่ แต่ ความคิดที่สั้นแคบ
 เราใช้จ่ายมาก แต่มีสมบัติน้อยลง เราซื้อมากแต่มีความสุขน้อยลง เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่มีครอบครัวที่เล็กลง
 มีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่มีเวลาน้อยลง เรามีการศึกษาสูงขึ้นแต่มีความสำนึกที่น้อยลง มีความรู้มากขึ้น แต่มีเหตุผลน้อยลง
 มีผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น และก้อมีปํญหาที่ตามมามากขึ้นยิ่งกว่า มียารักษาโรคมากขึ้น แต่ร่างกายเราก้อปราศจากโรคน้อยลง

 We drink too much, smoke too much, spend too recklessly, laugh too little, drive too fast, get too angry, stay up too late, get up too tired, read too little, watch TV too much, and pray too seldom. We have multiplied our possessions, but reduced our values. We talk too much, love too seldom, and hate too often.
 เราดื่มเหล้ามาก สูบบุหรี่มาก ใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง และ หัวเราะน้อยมาก ขับรถเร็วเกินไป โกรธง่าย นอนดึก และ ตื่นเช้าด้วยความอ่อนเพลียทุกวัน
 อ่านหนังสือน้อย ดูทีวีมาก และ สวดมนต์ภาวนา น้อยมาก เราได้เป็นเจ้าของสิ่งของมากมาย แต่ก้อต้องสูญเสียคุณค่าของชีวิต
 เราพูดมาก รักน้อยลง และเกลียดคนโน้นคนนี้บ่อยบ่อย

 We've learned how to make a living, but not a life. We've added years to life not life to years. We've been all the way to the moon and back, but have trouble crossing the street to meet a new neighbor. We conquered outer space but not inner space. We've done larger things, but not better things.
 เราเรียนรู้ที่จะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่แต่ไม่ได้เรียนรู้ชีวิตเลย เราเพิ่มเวลาเข้าไปในชีวิต แทนที่จะเพิ่มชีวิตเข้าไปในเวลาที่เหลืออยู่ 
 เราสามารถไปถึงดวงจันทร์และกลับมาโดยไม่มีอุปสรรค
 แต่มีอุปสรรคมากมายที่ขวางเราไว้จากการเดินข้ามถนนไปคุยกับเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาใหม่ฝั่งตรงข้าม 
 เราพิชิตอวกาศ แต่ไม่สามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ในใจเรา
 เราสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ใช่ สิ่งที่ดีกว่า

 We've cleaned up the air, but polluted the soul. We've conquered the atom, but not our prejudice. We write more, but learn less. We plan more, but accomplish less. We've learned to rush, but not to wait. We build more computers to hold more information, to produce more copies than ever, but we communicate less and less.
 เราได้พยายามทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบรอบตัวเราในขณะที่เราทำให้จิตใจเราสกปรกขึ้น
 เราสามารถค้นพบสิ่งมองไม่เห็นเช่น อะตอม แต่ไม่สามารถค้นพบความอคติและความลำเอียงในใจเรา
 เราเขียนมากขึ้นแต่เรียนรู้น้อยลง
 เราวางแผนมากขึ้น แต่ประสบความสำเร็จน้อยลง เราถูกสอนให้เร่งรีบขึ้น แทนที่จะถูกสอนให้รอคอย
 เราสร้างคอมพิวเตอร์ขี้นมากมายพื่อบันทึกข้อมูล และเก็บสำเนาข้อมูลไว้เพื่ออ่าน
 แต่เราพูดคุยติดต่อสื่อสารระหว่างกันน้อยลง เรื่อยเรื่อย

 These are the times of fast foods and slow digestion, big men and small character, steep profits and shallow relationships. These are the days of two incomes but more divorce, fancier houses, but broken homes. These are days of quick trips, disposable diapers, throwaway morality, one night stands, overweight bodies, and pill> s that do everything from cheer, to quiet, to kill. It is a time when there is much in the showroom window and nothing in the stockroom. A time when technology can bring this letter to you, and a time when you can choose either to share this insight, or to just hit delete.
 นี่เป็นเวลาของการกินอาหารจานด่วน และ ระบบย่อยอาหารที่ต้องทำงานช้าลงเพราะอาหารจานด่วนนั้น 
 นี่เป็นเวลาของผู้ยิ่งใหญ่และคนที่ไม่มีความหมายอะไรเลยบนโลก
 นี่เป็นเวลาของการทำการค้าแบบเน้นทำกำไรสูงแต่ ความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีต่อกันนั้นตื้นเขิน
 นี่เป็นเวลาของการทำงานหลายอาชีพเพื่อเงินมากขึ้น และก้อการหย่าร้างที่มากขึ้นตามไปด้วย 
 นี่เป็นเวลาของ การมีบ้านที่สวยงาม แต่มีครอบครัวที่แตกสลาย
 นี่เป็นเวลาของการเดินทางแบบรวดเร็ว กระดาษชำระแบบใช้แล้วทิ้ง ไม่มีศีลธรรม ความสัมพันธ์แบบชั่วค่ำคืน 
 คนที่มีน้ำหนักเกิน ยาที่สามารถให้คุณทุกอย่าง ตั้งแต่ เสียงหัวเราะ ความเงียบ หรือ แม้แต่ความตาย
 นี่เป็นเวลาที่คนจะโชว์สมบัติมากมายเพื่อแสดงออกทั้งทั้งที่ไม่มีสมบัติอะไรหลงเหลือเก็บไว้เลย
 เวลาที่เทคโนโลยี่สามารถทำให้คุณได้เห็นจดหมายฉบับนี้
 และ เวลาที่คุณสามารถที่จะอ่านและแบ่งปันความรู้สึกนี้ให้กับเพื่อนคนอื่น หรือ ลบทิ้งไป 

 Remember, spend some time with your loved ones, because they are not going to be around forever. Remember, say a kind word to someone who looks up to you in awe, because that little person soon will grow up and leave your side. Remember, to give a warm hug to the one next to you, because that is the only treasure you can give with your heart and it doesn't cost a cent.
 จงจำไว้ว่า คุณควรใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักให้มากมาก เพราะเวลาเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ชั่วนิรันดร์
 จงจำไว้ว่า คุณควรพูดจาอ่อนโยนให้กับลูกลูกที่หวาดกลัวคุณ ก่อนที่วันหนึ่งเขาเหล่านั้นจะโตขึ้นและจากคุณไป
 จงจำไว้ว่า คุณควรกอดคนที่คุณรักด้วยความอบอุ่นบ่อยบ่อยเพราะนี่คือสิ่งที่คุณทุกคนสามารถให้กับคนที่คุณรักได้ด้วยใจ
 และไม่ได้ทำให้คุณเสียเงินแม้บาทเดียว

 Remember, to say, "I love you" to your partner and your loved ones, but most of all mean it. A kiss and an embrace will mend hurt when it comes from deep inside of you. Remember to hold hands and cherish the moment for someday that person will not be there again. Give time to love, give time to speak, and give time to share the precious thoughts in your mind.
 อย่าลืมที่จะพูด "ผมรักคุณ" ให้ แฟนของคุณหรือคนที่คุณรัก
 และสิ่งมากไปกว่านั้นคือ แสดงให้เขาเห็นตามคำที่คุณพูด
 การกอดจูบและแสดงความรักจะช่วยประสานความรู้สึกที่เจ็บปวดในใจของคนที่คุณรัก
 เมื่อการกระทำนั้นมาจากก้นบึงของหัวใจคุณ
 อย่าลืมที่จะกุมมือและถนุถนอมความรู้สึกที่ดีดีและแสดงให้เขาเห็นว่าคุณมีความสุขกับเขาในเวลาที่คุณมีความสุข 
 เพราะคนคนนั้นและเวลาเหล่านั้นจะไม่ย้อนกลับมาอีก
 ให้เวลากับความรัก ให้เวลาที่จะพูดที่จะแสดง และให้เวลาที่จะแบ่งปันความรู้สึกดีดีในใจของคุณ กับ คนที่คุณรัก

 Life is not measured by the
 number of breaths we take, 
 but by the moments that take our breath away.
 ชีวิตไม่ได้ถูกวัด ด้วยจำนวนครั้งของลมที่เราหายใจ
 แต่ถูกวัดด้วย จำนวนครั้งที่เราลืมหายใจเพราะความดีใจต่างหาก

 George Carlin
 จอร์จ คอลลิน เขียน
 บ้อบบี้ แปล

credit : http://www.gracezone.org/index.php/knowlage/305-2009-02-19-22-58-52

ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน แล้วคิดว่า "สักวันหนึ่งค่อยส่ง"  

จงอย่าลืมคิดว่า "สักวันหนึ่ง วันนั้น" คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้ เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Cast Away จากภาพยนต์สู่เรื่องจริง : การต่อสู้ของมนุษย์เพื่อเอาชีวิตรอดกลางมหาสมุทร

ผมมีอะไรเล่าให้ฟัง กับเงิน 800 บาทกินทั้งเดือน...สำหรับคนที่ท้อแท้หาทางออกกับชีวิตไม่ได้

ฉันชื่อ "โอกาส"