เมื่อแบงค์ 100 อยู่ในหนังสือสอบ!!
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มหาลัยกำลังจะสอบกลางภาค นักศึกษาต่างจดจ่ออยู่กับตำราเรียน ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตั้งใจจะสอบให้ได้คะเเนนดีๆ เพราะเป็นปีสุดท้ายแล้ว ตัวผมอาศัยอยู่กับเพื่อนคนหนึ่งในหอพักนักศึกษาของมหาลัย เพื่อนของผมคนนี้เป็นคนเหนือ ตัวเล็ก ผิวขาว ตั้งใจเรียนมาก เรามักจะได้เรียนวิชาเดียวกัน เพราะอยู่คณะเดียวกัน และมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
วันหนึ่งหลังจากเลิกเรียนตอนบ่าย4โมงครึ่ง ผมกลับถึงหอพัก ตอนนั้นก็เย็นแล้วรู้สึกหิว เลยชวนเพื่อนไปกินข้าวที่โรงอาหาร ซึ่งปกติเราก็ไปกินด้วยกันตลอด แต่วันนั้นเพื่อนผมบอกว่ายังไม่หิว ขออ่านหนังสือก่อนให้ผมไปกินก่อนเลย ผมก็เลยต้องไปนั่งกินข้าวโรงอาหารคนเดียว หลังจากกินเสร็จผมก็กลับมาติวหนังสือด้วยกันกับเพื่อนต่อที่หอ ในขณะที่ติวหนังสืออยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงท้องของเพื่อนร้องครืนๆ เป็นระยะๆ ผมก็เลยถามเพื่อนว่า
“ท้องร้องบ่อยจังทำไมนายไม่ไปหาไรกินก่อน”
เพื่อนก็เลยตอบผมว่ายังไม่หิวแต่มือเขากลับหยิบขวดน้ำเปล่าที่สามารถกรอกฟรีได้ที่โรงอาหารมาดื่มเป็นระยะๆ ผมเองก็คิดว่าเพื่อนคงเครียดเรื่องสอบ เลยยังไม่อยากจะกินข้าว
หลังจากติวกันถึง4ทุ่ม ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว อาบน้ำเสร็จก็ปิดไฟนอนกัน พอรุ่งเช้าต่างคนก็ต่างแต่งตัวเตรียมออกไปเรียน หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็ชวนเพื่อนไปกินข้าวเช้าก่อนไปเรียน ซึ่งปกติเราก็จะไปกินข้าวเช้าพร้อมกัน เเต่วันนี้เพื่อนผมบอกว่าออกไปก่อนเลยยังแต่งตัวไม่เสร็จ เสร็จเเล้วจะตามไป (ทั้งๆที่ผมเห็นเขาแต่งตัวเสร็จและเตรียมตัวจะออกจากห้องแล้ว) ผมเลยบอกว่า “ไงก็รีบตามมานะ” แล้วผมก็เดินออกจากห้องไปก่อน
พอถึงโรงอาหารผมก็สั่งข้าวรอ ได้ข้าวมาแล้วก็มานั่งที่โต๊ะรอเพื่อนกะว่าจะกินพร้อมกัน แต่พอดูเวลามันจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว เลยโทรหาเพื่อนให้รีบมาเเต่เขาก็ไม่รับสาย ผมก็เลยรีบกินเพราะกลัวเข้าเรียนไม่ทัน พอถึงห้องเรียน ผมก็เห็นเพื่อนนั่งอยู่โต๊ะเรียนเเล้ว ผมเลยเข้าไปนั่งข้างๆแล้วก็ถามว่า ทำไมนายไม่ตามไปที่โรงอาหาร เพื่อนผมบอกว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วเลยไม่ได้ตามไป
ในระหว่างที่เรียนอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงท้องเพื่อนร้องครืนๆ เป็นระยะๆ พร้อมกับการหยิบขวดน้ำเล็กๆที่เขาพกมาขึ้นมาดื่ม ผมเห็นอย่างนั้นเลยบอกเพื่อนว่า สมน้ำหน้าชวนไปกินข้าวไม่ยอมตามมา เพื่อนก็นั่งเงียบฟังอาจารย์สอน พอเลิกเรียนตอนเที่ยงผมก็เลยชวนเพื่อนไปกินข้าวอีก ผมโดนปฏิเสธอีกครั้ง โดยเพื่อนผมบอกว่า ยังไม่หิว เดียวจะไปอ่านหนังสือห้องสมุดกลัวอ่านไม่ทันสอบ (ในใจผมก็คิดว่า เออเว้ยมันเครียดจนไม่ยอมกินข้าว ขนาดท้องร้อง หิวข้าวยังไม่กินเลย) ผมเลยบอกเพื่อนว่า กินข้าวมั่งก็ดีนะ จะได้มีสารอาหารไปเลี้ยงสมอง ยังไงก็เจอกันตอนบ่ายครึ่งที่ห้องเรียนนะ เพื่อนก็พยักหน้า ยิ้มแห้งๆ พร้อมเดินปลีกตัวออกไปด้วยใบหน้าที่เริ่มซีดเซียว
หลังจากนั้นพอถึงตอนบ่ายเข้าห้องเรียน ผมก็ไปนั่งข้างๆเพื่อนเหมือนอย่างเคย พอเรียนไปสักพัก อาการเดิมของเพื่อนผมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คือ เสียงท้องร้องครืนๆ คราวนี้เสียงดังกว่าเดิม หน้าซีดกว่าเดิม จนเพื่อนๆในคลาสหันมามอง อาจารย์ก็ทักว่าหน้าซีดนะเป็นอะไรรึป่าว เพื่อนก็ตอบว่า “ป่าวครับ” พลางผยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วก็เรียนตามปกติ
แต่ในใจผมคิดเเล้วแหละว่าไม่เกี่ยวกับเครียดเรื่องสอบแน่ๆ เพราะถ้าอ่านหนังสือต้องกินข้าวให้มีแรง มีสารอาหารเลี้ยงสมอง กินข้าวไม่กี่นาทีเอง หรืออย่างน้อยถ้าง่วนอยู่กับตำราเรียนจริงก็กินไปด้วยอ่านไปด้วยก็ยังได้เลย แต่นี่บอกว่าไม่หิวทั้งๆที่ท้องร้อง หน้าซีด แถมหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มอีก ยังไงก็ต้องหิวล่ะ ผมเลยฟันธงว่าเพื่อนเราไม่มีตังค์กินข้าวแน่ๆ!!
หลังจากเลิกเรียนตอนบ่าย4โมงครึ่ง ผมก็ทำทีชวนเพื่อนไปเดินตลาดนัดเพราะวันนี้มีตลาดนัดในมหาลัย ไปเดินหาซื้อไรมากินกัน(ซึ่งในใจผมคิดไว้อยู่แล้วว่าเพื่อนคงไม่ไปแน่ๆ) แล้วก็จริง เพื่อนผมบอกว่านายไปเถอะ เราต้องรีบกลับไปซักชุดนักศึกษา ไม่มีใส่เเล้ว เดี๋ยวไม่แห้งทันใส่พรุ่งนี้ แล้วเพื่อนก็ปลีกตัวออกไป ส่วนผมก็ไม่ได้ไปเดินตลาดนัดหรอกครับ ผมแอบตามเพื่อนไปต่างหาก อิอิ^_^ เพื่อนผมก็เดินเข้าหอพักขึ้นห้องไป สักพักผมก็ตามเพื่อนขึ้นไปที่ห้อง แล้วเพื่อนก็ถามว่า
“อ้าวไหนนายบอกว่าจะไปเดินตลาดนัดไง”
ผมก็เลยบอกว่าเอากระเป๋ามาเก็บก่อนมันหนัก ผมกะว่าจะถามเพื่อนตรงๆว่านายไม่มีตังค์กินข้าวหรอ ก็กลัวเพื่อนจะอาย จะเอาตังค์ให้ต่อหน้าก็กลัวเพื่อนไม่เอาเพราะเขาเป็นคนขี้เกรงใจ. ผมเลยรอจังหวะที่เพื่อนเผลอแล้วหาทางซ่อนตังค์ให้เขา โดยไม่ให้เขารู้ตัว และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นใจ เมื่อเพื่อนผมบอกว่าจะไปกรอกน้ำที่โรงอาหาร ผมก็บอกเพื่อนว่า
“อืมๆนายไปเถอะ เดี๋ยวเราก็จะออกไปตลาดนัดเหมือนกัน”
หลังจากที่เพื่อนออกจากห้องไป เมื่อได้โอกาสผมก็เลยหยิบแบงค์100ในกระเป๋า ไปซ่อนในหนังสือภาษาอังกฤษของเพื่อน หน้าที่เขาคั่นเอาไว้ ซึ่งผมคิดว่าเขาต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษแน่ๆ เพราะเขาวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือเตรียมจะอ่าน พอเพื่อนกลับมาจากกรอกน้ำ ผมก็บอกว่าเดียวเราออกไปตลาดนัดก่อนนะ แล้วผมก็รีบเดินออกจากห้องไป รอแอบดูใต้หอพัก
ผ่านไปประมาณ15นาที ผมก็เห็นเพื่อนเดินลงมาจากหอพักตรงไปยังโรงอาหาร. ผมแอบดูเพื่อนนั่งกินข้าว เมื่อเห็นรูมเมทกินข้าวจานนั้นอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ใช่ข้าวที่อยู่เพื่อกินแต่เป็นข้าวที่กินเพื่ออยู่ เพื่อประทังชีวิตเขา เมื่อรู้ความจริงว่าเขาไม่มีตังค์จะกินข้าว น้ำตาผมคลอเบ้ารู้สึกเสียใจที่เคยสมน้ำหน้าเพื่อนตอนอยู่ในห้องเรียน ที่ไม่ไปยอมกินข้าวด้วย และอีกใจหนึ่งก็รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกที่เงิน100บาทของผมทำให้เพื่อนของผม หายจากความอดอยากหิวโหย. หลังจากนั้นไม่นานข้าวในจานก็หมด ผมเห็นเพื่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ คงเพราะในใจเขาคิดว่าวันนี้รอดตายเพราะความหิวแล้ว จากนั้นเพื่อนผมก็เดินไปดื่มน้ำแล้วก็กลับขึ้นห้อง
จากนั้นผมก็ไปเดินตลาดนัดอย่างสบายอารมณ์ ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง เหล่สาวเพลินๆ พอเดินตลาดนัดเสร็จผมก็กลับห้อง พอเปิดประตูเข้าไป เพื่อนผมรีบโผเข้ามากอดพร้อมกับน้ำตาของเขาที่ไหลเอ่อออกมา แล้วเขาก็พูดว่า
“ขอบใจมากนะเพื่อน ขอบใจที่ทำให้เรารอดตาย”
นาทีนั้นผมก็พลอยน้ำตาคลอออกมาด้วยแบบไม่รู้ตัว แต่สุขใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วเพื่อนก็เล่าให้ผมฟังว่า ที่บ้านเขาไม่ได้ส่งตังค์มาให้เขาอาทิตย์นึงแล้ว เพราะน้องเขาป่วยตระเวนรักษาหลายที่ จนที่บ้านแทบไม่มีตังค์เหลือเช่นเดียวกัน และอีกอย่างคือเพื่อนต้องซื้อเอกสารประกอบการเรียนเพื่อใช้ในการเตรียมสอบอีก ทำให้เขาไม่เหลือตังค์แม้แต่บาทเดียว เขาอยู่ในภาวะคับขัน แต่เขาไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเลย แต่เขามักจะพูดกับผมอยู่เสมอว่าจะตั้งใจเรียน จะได้มีงานดีๆทำ เพื่อที่จะได้ลี้ยงพ่อ แม่ และน้องให้สุขสบายกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อนผมเป็นคนที่เข้มแข็งมาก เขาอดข้าวกว่า1วัน แต่ไม่ยอมปริปากยืมตังค์ผมแม้แต่คำเดียว
วันนี้เป็นวันที่ผมอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเงิน100บาท ที่เศรษฐีหลายๆคนอาจจะบอกว่าเป็นเพียงเศษเงิน แต่วันนี้เงิน100บาท ได้พิสูจน์ตัวมันเองแล้วว่า มันมีค่ามากสำหรับบางคน เกินกว่าที่คำพูดจะสามารถอธิบายได้
ปล.ความจริงผมอยากให้เพื่อนมากกว่า100บาทนะ แต่ตอนนั้นผมมีติดตัว200บาท คนครึ่งกับเพื่อน ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าวันต่อมาเราจะใช้อะไร รุ่งขึ้นทุน กยศ. ออกพอดี เลยรอดตายทั้ง2คน อิอิ
จากกระทู้: http://pantip.com/topic/31408662