ธรรมะข้างทาง (Road-side Dhamma)


ระหว่างที่เดินทางผ่านมหาวิทยาลัย อซูซ่า แปซิฟิก มหาลัยเอกชนประจำเมืองอซูซ่า ที่วัดตั้งอยู่ ระหว่างติดไฟแดงอยู่นั้น ผมเหลือบเห็นคุณลุงคนหนึ่ง กำลังนอนร้องเพลงอยู่ที่ม้านั่งรอรถบัส อาบแดดยามเช้า อย่างมีความสุข เขาใส่เสื้อร่มสีฟ้า กางเกงสีครีม รองเท้าสีน้ำเงิน ผมเห็นลุงแล้ว อดมีความสุขตามไม่ได้ ผู้คนหลากหลายรอบตัวเรา ต่างกระเสือกกระสน ดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีกิน มีใช้มีความสุข แต่ส่วนใหญ่กลับแลกกับความทุกข์ ความกดดัน สภาพของสังคมที่แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น กัน จะได้เงินมาเพื่อแลกกับความเหนื่อยนั้น เลือดตาแทบกระเด็น ลุงคนนี้มีอาชีพที่คนในอเมริกันเรียกกันว่า " Homeless" หรือ ไม่่มีบ้าน อาศัยอยู่น้นเอง.. ผู้มีอาชีพ Homeless ในอเมริกาก็เทียบกับอาชีพ ขอทาน ในบ้านเรานี่เอง แต่ความเป็นอยู่ของ Homeless ที่เอมริกานั้นดีกว่าคนในบ้านเรามาก สังเกตจากเสื้อผ้า รองเท้า ที่ใส่ ใหม่มากๆ ผมยังนึกอิจฉาเล็กเลยๆ ว่า "แหม รองเท่้าเรายังขาดๆอยู่เลย" ก็เป็นอย่างนี้จริงๆ ทางรัฐบาล ก็พยายามให้ความช่วยเหลือคนhomeless กลุ่มนี้ด้วยการให้อาหารฟรีบ้าง ในวันสำคัญๆของประเทศ เช่น วันคริสมาส วัน Thanks Giving หรือวันขอบคุณพระเจ้า หรือมีองค์กรอิสระ เอารถมาจอด เพื่อแจกอาหารให้กับคนพวกนี้ก็มี บางพวก ก็ไม่พึ่งรัฐบาล ก็จะอาศัยการเก็บเศษอาหารตามถึงขยะบ้าง ไปขอกับคนที่ทานในร้าน Fast Food ที่กำลังจะอิ่มบ้าง บ้างก็อยู่ตามริมถนน ถือป้ายบอกผู้คนว่า " Need Work" บ้าง " Hungry" บ้าง " Please help" บ้าง และก็ตบท้าย ด้วยคำว่า " God Bless you" เป็นเหมือนประโยคเรียกความสงสาร โดยใช้พระเจ้านำทาง ซึ่งผมก็เคยเห็น ฝรั่งหลายคน เรียกHomeless มารับเศษเงินบ้าง ขนมบ้าง เห็นจนบ่อย จนผมอยากจะลองทำตามบ้าง เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสว่า การให้ทานกับคนทุศีล ก็มีอานิสงส์ เป็นพันเท่า ครั้งหนึ่งสมัยผมเป็นอารามบอย อยู่ที่วัดพระธรรมกาย ดีซี กรุงวอชิงตัน ดีซี ผมก็เรียกเขามั่ง พอให้ตังค์ไป 1 ดอลลาร์กับชายผู้ดุท่าทางอดหยาก พอให้เขาไปปั๊ป มันแปลก มันโล่งข้างใน อย่างบอกไม่ถูก ความคิดเมตตา กรุณามันเกิดขึ้นเอง นี้กระมังที่เป็นผล 1 พันเท่า ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้...
ลุงที่ผมเห็นวันนี้ แม้เขาจะไม่ได้ยืนขอเงิน และขออาหารจากผุ้คนที่สันจรไปมา แต่เขาก็ให้ความสุขกับผู้คนด้วยการ้องเพลง และนอนหลับอย่างมีความสุข ใครเห็นก็อดมีความสุขตามลุงไปไม่ได้ ทำให้ได้ข้อคิดว่า " ความสุขนั้นเราหาได้จาก การมี หรือไม่มี ไม่ แต่เป็นความสุขที่หาได้จากจิตใจที่มีความสุขกับสิ่งที่มี นั่นเอง" เอวัง ด้วยประการะฉะนี้.. ( 2-3-2014 )


ผู้เขียน : Sophon Ruennakarn จาก facebook
https://www.facebook.com/sophon.ruennakarn
ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่แล้ว
ภาพประกอบจาก facebook

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Cast Away จากภาพยนต์สู่เรื่องจริง : การต่อสู้ของมนุษย์เพื่อเอาชีวิตรอดกลางมหาสมุทร

ผมมีอะไรเล่าให้ฟัง กับเงิน 800 บาทกินทั้งเดือน...สำหรับคนที่ท้อแท้หาทางออกกับชีวิตไม่ได้

ฉันชื่อ "โอกาส"